ถามว่าอะไรคือ ‘จุดเปลี่ยน’ ของพวกเขา
1. เกมที่ถูกสโมสรผึ้งน้อยถล่ม 4-0
ไม่เพียงแค่จะปราชัยอย่างยับเยิน ฟอร์มการเล่นยังแย่ แถมอุดมด้วยความผิดพลาด โดยจัดเป็นความแพ้อันน่าอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก อย่างไรก็ตาม ความพินาศในนัดนี้ช่วยให้พวกเขาบรรลุโสดาบนฟลอร์หญ้าว่าตนเองมีจุดบกพร่องตรงไหน ตนเองมีจุดอ่อนตรงไหน และตนเองต้องปรับปรุงตรงไหน
2. หัวแตงโมไม่ได้ลงตัวจริง !!!
จริงๆจุดอ่อนไม่ได้อยู่ที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แต่จุดอ่อนของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ที่กัปตันทีมอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ นี่แหละ แถมทำตัวเป็นจุดอ่อนมานานแล้วด้วย
3. ตำแหน่งของ คริสเตียน เอริคเซ่น
นัดแรกที่แพ้แบบคาบ้านต่อ ไบรท์ตัน – ดาวเตะหัวใจไม่ค่อยแข็งแรงผู้นี้ถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้า !!! แต่ประโยชน์ของ คริสเตียน เอริคเซ่น คือการวางบอลยาวจากในแดนกลาง เกมต่อมาที่ถูกเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปในรูตูด by เบรนต์ฟอร์ด เขาถอยต่ำลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์
4. ความเด็ดขาดของ เอริค เทน ฮาก
เขากล้าดร็อป แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โดยไม่แยแสว่านักเตะผู้นี้คือเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีม เขาไม่สนใจเสียงนกเสียงกาว่า ลิซานโดร มาร์ติเนซ เล่นไม่ได้ในพรีเมียร์ลีก เขาไม่ถอด สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ออกมาจากตำแหน่ง ทั้งที่กระชากมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกอย่าง กาเซมิโร่ เข้ามาในราคาถึง 70 ล้านปอนด์ ในเมื่อไอ้หนุ่มตาร์ตั้นยังโชว์ฟอร์มได้ไฉไล เขากล้าเล่นหิ้งด้วยการมอบสนับตูดให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สวมใส่ในเมื่อมารายงานตัวฝึกซ้อมช้า กระสันต้องการย้ายทีม และสภาพร่างกายไม่ปิ๊ดปี้ปิ๊ดเหมือนเดิม เขายืนยันว่าจะ ‘เอานะ’ อันโตนี่ มาร่วมทีมให้ได้ เพื่อเพิ่มมิติ
5. ชัยชนะในศึกแดงเดือด
หลังจากเสียท่าจนม้วยมรณามา 2 นัด สภาพจิตใจท้อใจและห่อเหี่ยวยิ่งนัก โอกาสแพ้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันมีสูงมาก เมื่อผู้มาเยือนคือ ลิเวอร์พูล โชคดีที่พลพรรคหงส์แดงก็อยู่ในฟอร์มการเล่นที่กระท่อนกระแท่นเหมือนกัน และการยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้คู่แค้นตลอดชาติและคู่แข่งที่น่าขามเกรงอย่าง ลิเวอร์พูล นี่แหละที่ช่วยกระชากความมั่นใจกลับคืนมาแบบเต็มพิกัด